วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

23 September 2013

ความรู้ที่ได้รับ

วันนี้ทำอาหารกันในห้องมีเพื่อนเตรียมวัตถุดิบมาให้
เมนูที่ทำในวันนี้คือ   ข้าวผัดแสนอร่อย

Mind  Maple วัตถุดิบในการทำข้าวผัด



Mind  Maple วิธีการทำข้าวผัด



***กิจกรรมตอนทำข้าวผัดแสนอร่อย***


เพื่อนกำลังบรรยายเกี่ยวกับการทำข้าวผัด



อาจารย์บรรยายเกี่ยวกับข้าวผัด


 อาจารย์บรรยายเกี่ยวกับข้าวผัด


วัสดุสำหรับทำข้าวผัด


 เพื่อนๆช่วยกันทำข้าวผัด


เพื่อนๆช่วยกันทำข้าวผัด


 เพื่อนๆช่วยกันทำข้าวผัด


เพื่อนๆช่วยกันทำข้าวผัด


ข้าวผัดแสนอร่อยของกลุ่มเรา

***สรุปกิจกรรม***

ความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมคือ การทำงานเป็นกลุ่ม การร่วมมือ ความสามัคคี การจัดการเรียนการสอนแต่ละครั้งเราต้องมีการวางแผนงานล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี และควรจะจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ให้เพียงพอสำหรับเด็กๆในการทำกิจกรรม เราจะต้องศึกษาหาข้อมูงสามารถที่จะตอบคำถามเด็กๆได้ และเราจะต้องให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติด้วยตัวของเขาเองเป็นการเสริมสร้างความรู้นอกห้องเรียนให้แก้เด็ก และเราควรพูดชมเชยเด็กเมื่อเด็กทำกิจกรรมเสร็จ และสอนให้เด็กรู้จักเก็บขอเข้าที่ให้เรียบร้อย

***หาเพิ่มเติมจากในห้องเรียน***

การทำข้าวผัดให้อร่อย

การทำข้าวผัดให้อร่อย เริ่มจากข้าวสวยที่ผัดต้องหุง ให้เป็นเม็ดสวย "วิธีการหุงข้าว" ก็มีเคล็ดลับการหุงข้าวสารใหม่ต้องใส่น้ำน้อย เพราะข้าวยังมีความชื้นอยู่มาก แต่ถ้าเป็นข้าวเก่า ต้องใส่น้ำให้ท่วมข้าวหนึ่งองคุลี หุงแบบไม่เช็ดน้ำ หรือนึ่ง ก็จะได้ข้าวสวยที่เป็นเม็ดสวยมีคุณค่าสูง เมื่อสุกใหม่ร้อนๆ ต้องเกลี่ยใส่ถาด ให้ข้าวเย็นก่อนจึงนำมาผัดข้าวจะไม่เกาะตัวเป็นก้อน แต่ถ้าข้าวผัดที่ ทำจากข้าวกล้องนั้น มีวิธีหุงคือ ต้องใส่น้ำมาก เพราะข้าวกล้องดูดน้ำได้ดี แต่เมื่อสุกทิ้งให้เย็นต้องผัดเลยไม่ควรใช้ข้าวกล้องที่ทิ้งไว้นานมาผัด เพราะข้าวสวยที่หุงจากข้าวกล้องจะบูดง่ายกว่าข้าวสวยที่หุงจากข้าวขาว

เมื่อได้ข้าวสวยที่เหมาะในการทำข้าวผัดแล้ว ทำอย่างไรจึงจะผัดให้ข้าวเป็นเงาสวยน่ากินสิ่งสำคัญอยู่ที่ "ไฟ" ต้องใช้ไฟกลางในการเจียวกระเทียมจนเหลือง ใส่เครื่องปรุงที่เป็นเนื้อสัตว์ผัดจนสุกก่อน จึงใส่ข้าวผัดให้ทั่ว ถ้าข้าวผัดชนิดใดมีส่วนผสมของไข่ต้องใส่ไข่ทีหลังข้าวพอผัดข้าวจนทั่วเกลี่ยข้าวไว้อีกด้าน หนึ่งต่อยไข่ใส่กลบข้าวบนไข่พอสุกจึงค่อยผัดไข่ ในขั้นตอนนี้ต้องผัดเร็วๆ ไข่จะเกาะเม็ดข้าวดี และไม่แฉะ เช่น ข้าวผัดปู ข้าวผัดทะเล ข้าวผัดกุ้ง ข้าวผัดหมู ในกรณีที่เป็นข้าวผัดที่นำน้ำพริกมาประยุกต์ คลุกน้ำพริกกับข้าวให้ทั่วก่อน จึงค่อยผัดทีหลังจะทำให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดี
"กระทะ" เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการทำข้าวผัดเลยทีเดียว กระทะเหล็กรับความร้อนได้เร็วและดี แต่ข้าวจะติดกระทะ ต้องผัดเร็วๆเหมาะสำหรับแม่ครัวที่ชำนาญในการผัดขัาว เพราะข้าวผัดที่ได้จะมีกลิ่นหอม ถ้าเป็นแม่ครัวมือใหม่ต้องใช้กระทะเทฟล่อน แต่กลิ่นหอมจะสู้ข้าวที่ผัดจากกระทะอะลูมิเนียม กระทะเหล็ก หรือกระทะเหล็กเคลือบไม่ได้ "ตะหลิว" ก็เช่นกันต้องเลือกด้ามที่ติดแน่น ทนความร้อน

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

16 September 2556

ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้มีอาจารย์เข้ามาสอนคือ อาจารย์ ตฤณ  แจ่มถิน 
อาจารย์ให้นักศึกษาจับกลุ่ม ๆ ละ 5 - 6  คน  แล้วนั่งรวมกลุ่มกัน ให้แต่ละกลุ่มเลือกอาหารที่จะทำ
กลุ่มที่  1  แกงจืดเต้าหู้หมูสับ
กลุ่มที่  2  แซนวิทไข่ดาว
กลุ่มที่  3  วุ้นมะพร้าว
กลุ่มที่  4  ข้าวผัด
กลุ่มที่  5  ไข่ตุ๋น

***กลุ่มของดิฉันเลือกคือ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ***

จุดประสงค์
  • เด็กสามารถบอกวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการประกอบอาการได้
  • เด็กสามารถบอกการเปลี่ยนแปลงของวุตถุดิบก่อนใส่และหลังใส่ได้
  • เด็กสามารถบอกรสชาติของแกงจืดได้
  • เด็กสามารถบอกขั้นตอนในการทำได้
ประสบการณ์สำคัญ
  1. การสังเกต
  2. การทดลอง
  3. การเปรียบเทียบ
  4. การคาดคะเน
กิจกรรม

        ขั้นนำ
  1. เด็กและครูร่วมกันสร้างข้อตกลงร่วมกันในการทำอาหาร
  2. เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับเมนูอาหารที่ทำในวันนี้

        ขั้นสอน
 1     เด็กและครูร่วมกันสรุปข้อตกลงเมนูอาหารในวันนี้
 2     ครูนำวัตถุดิบมาให้เด็กๆดูและครูถามว่า
"เด็กๆรู้จักวัตถุดิบที่ครูนำมาหรือไม่"
"เด็กๆคิดว่ารสชาติของผักแต่ละชนิดมีรสชาติอย่างไร"
"เด็กๆลองดูซิว่าของแต่ละอย่างมีลักษณะอย่างไร"
3     ครูเริ่มสาธิตวิธีการทำให้เด็กดู
4     ครูให้เด็กๆสังเกตวัตถุดิบที่ใส่ลงไปแล้วบอกว่ามีลักษณะอย่างไร
5     ครูอุเด็กชิมรสชาติของอาหารก่อนปรุงรสและหลังปรุงรส

         ขั้นสรุป

ครูและเด็กร่วมกันชิมรสชาติของอาหาร

ภาพกิจกรรม
อุปกรณ์

กำลังลงมือปฏิบัติ

วัตถุในการแกงจืด


วิธีการทำแกงจืด

ภาพกิจกรรม


ภาพกิจกรรม

นำเสนอแผนกิจกรรมหน้าชั้นเรียน

***สรุปองค์ความรู้เป็น  Mind Maple***



      9 September 2556


      ***ไม่มีการเรียนการเรียนการสอน***


      วันนี้นักศึกษาได้หาความรู้เพิ่มเติมจากที่เรียนวิทยาศาสตร์

      การทดลองวิทยาศาสตร์เเบบง่ายๆ


      ขวดเป่าลูกโป่ง


      ...ก๊าซเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นแต่เรารู้ว่ามันเกิดขึ้นและมีอยู่ได้โดยจับมันไว้ในลูกโป่ง 
      สิ่งที่ต้องใช้
      1. ขวดแก้วเตี้ย อย่างขวดน้ำส้มสแปลช 1 ขวด
      2. ลูกโป่ง 1 ใบ
      3. ผงฟู (เบกกิ้งโซดา) 5 ช้อนโต๊ะ
      4. น้ำส้มสายชู


      วิธีทดลอง
      1. เป่าลูกโป่งให้ยืดตัวก่อนทดลองสัก 2 รอบ
      2. ใส่เบกกิ้งโซดา ลงในขวดแก้ว
      3. เติมน้ำส้มสายชูลงไป
      4. ครอบลูกโป่งลงบนปากขวด

      เพราะอะไรกันนะ
                  เมื่อเบกกิ้งโซดา ทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชูจะเกิดก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ขึ้นก๊าซเบากว่าอากาศ จึงลอยสูงขึ้น เมื่อมีก๊าซมากๆก็จะดันลูกโป่งให้พองออกได้    เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) มีชื่อทางวิทย่ศาสตร์ว่า  โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate) หรือที่คุณแม่เรียกว่า ผงฟู นั่นเอง



       เปลวไฟลอยน้ำ



      สิ่งที่ต้องใช้
      1.        เทียนไข
      2. แก้วทรงสูงใส่น้ำ (ต้องสูงกว่าความยาวเทียนนะ)
      3.       หมุดหัวหมวก หรือตะปูเกลียวตัวเล็กๆ

      วิธีทดลอง

      1.        เเติมน้ำลงในแก้ว 5/6 แก้ว 
      2.       นำหมุดมาปักลงที่ฐานเทียนไข(ด้านป้าน)
      3.    นำ แท่งเทียนใส่ลงไปในแก้วน้ำ แล้วจุดเทียน
      เพราะอะไรกันนะ


                  เทียนไขลอยอยู่ที่ผิวน้ำได้ และไฟก็จะไม่ดับ เพราะเทียนทำจากขี้ผึ้งพาราฟินจึงไม่เปียกน้ำ และหมุดหัวหมวก ทำหน้าที่เป็นจุดรวมน้ำหนักให้อยู่ที่แกนกลางแท่งเทียนจึงไม่เอียงคว่ำ ขี้ผึ้งพาราฟินเป็นไขมันที่ได้จากการกลั่นจากปิโตรเลียมมีลักษณะใส ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ คล้ายกับขี้ผึ้ง จุดหลอมเหลวที่ 47-64 องศาเซลเซียส ซึ่งขี้ผึ้งพาราฟินบริสุทธิ์จะมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี ไม่ละลายน้ำ พาราฟินมักนำมาทำเทียนไข หรือเคลือบวัสดุต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนความชื้นจากน้ำ 


        ความลับของสี


      สีต่างๆที่เราเห็น ไม่ได้ประกอบด้วยสีเดียวเสมอไปนะ  ในแต่ละสีอาจมีรวมกันอยู่ถึง 4 สี เรามาทดลองเพื่อเผยความลับของสีกันเถอะ

      สิ่งที่ต้องใช้
      1. สีเมจิ สีดำ , น้ำเงิน , น้ำตาล (สีเข้มๆจะให้ผลการทดลองที่น่าตื่นเต้น)
      2. กระดาษกรองกาแฟ , กรองตะกอนน้ำมัน
      3. แก้วใส่น้ำ

      วิธีทดลอง
      1. ตัดกระดาษกรองเป็นแถบยาวๆ
      2. ระบายสีเมจิที่ต้องการทดสอบให้เป็นแถบหนา โดยห่างจากปลายกระดาษประมาณ 1 ซม.
      3. จุ่มปลายกระดาษในช่วงที่เว้นไว้ 1ซม. ลงในน้ำ *ระวังอย่าให้เส้นสีที่ขีดไว้จมน้ำ เพราะสีจะลายลายลงน้ำ
      4. รอดู สังเกตแถบสีที่เริ่มไต่สูงขึ้นไปบนกระดาษกรอง  เธอเห็นสีอะไรซ่อนอยู่?
      5. นำกระดาษไปหนีบผึ่งไว้กับที่ตากถุงเท้า แล้วทดลองสีต่อไป 

      เพราะอะไรกันนะ

                      สีสังเคราะห์เกิดจากการผสมของแม่สี คือ แดง เหลือง น้ำเงิน ในอัตราส่วนไม่เท่ากัน ทำให้เกิดสีต่างๆมากมาย  การแยกสีด้วยกระดาษกรองนี้ เราเรียกว่า "เปอเปอร์โครมาโทกราฟี" (Paper Chromatography) ซึ่งเป็นการแยกสารที่ผสมกันในปริมาณน้อยให้แยกออกมาเป็นแถบเส้นสีหรือแถบสี อาศัยสมบัติ 2 ประการ คือ 
          1. สารต่างชนิดกันมีความสามารถในการละลายในตัวทำละลาย (น้ำ) ได้ต่างกัน


          2. สารต่างชนิดกันมีความสามารถในการถูกดูดซับด้วยตัวดูดซับ (กระดาษกรอง)ได้ต่างกัน 
      สารที่ละลายในตัวทำละลายได้ดีส่วนมากจะถูกดูดซับไม่ดี จึงเคลื่อนที่ไปได้ไกล ส่วนสารที่ละลายในตัวทำละลายได้ไม่ดี ส่วนมากจะถูกดูดซับได้ดีจึงอยู่ใกล้จุดเริ่มต้น


       ไข่เอย..จงนิ่ม


      สิ่งที่ต้องใช้
      1. แก้ว 1 ใบ
      2. ไข่ไก่ 1 ฟอง
      3. น้ำส้มสายชู

      วิธีทดลอง
      1. นำไข่ไก่ใส่ลงไปในแก้ว
      2. เทน้ำส้มสายชูลงไปให้ท่วมไข่
      3. ทิ้งไว้ 1 คืน  อดใจรอนะพอตอนเช้าเทน้ำออกก็แล้วลองจับไข่ดูซิ..

      เพราะอะไรกันนะ


      น้ำส้มสายชูเป็นสารเคมีประเภทกรดอินทรีย์ ได้แก่ กรดน้ำส้มหรือกรดอะซิติก ซึ่งสามารถละลายแคลเซียมได้ เปลือกไข่มีแคลเซียมเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้เปลือกไข่แข็ง  เมื่อถูกละลายหายไป เปลือกไข่จึงนิ่ม 





      2 September 2556

      ***ไม่มีการเรียนการสอน***

      (อาจารย์ติดประชุม)

      วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

      26 August 2556

      ความรู้ที่ได้รับ

      ***วันนี้อาจารย์ได้ติดประชุม อาจารย์ให้นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมที่คณะศึกษาศาสตร์***





      19 August 2556

      ความรู้ที่ได้รับ

      วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม ๆ ละ  3  คน  แล้วอาจารย์มีกล่องกระดาษให้  1  ใบ    ให้นักศึกษานำกล่องกระดาษมาทำเป็นของเล่นวิทยาศาสตร์เข้ามุม
      กลุ่มของดิฉันมีสมาชิก ดังนี้
      1. นางสาว จินตนา      กาขาว
      2. นางสาว ปนัดดา      บุญทน
      3. นางสาว วริศรา        ประทักษ์ขีนัง
      ของเล่นเข้ามุมของกลุ่มดิฉันคือ  กล้องส่องรุ้ง

      วัสดุ / อุปกรณ์



      1. ช่องสี่เหลี่ยมขนาด  2 - 3 นิ้ว  จะเป็นช่องมอง ใช้ Card  Phone      2  ใบติดด้วยเทปกาวให้ขอบของการ์ดห่างกันเท่ากับความหนาของกระดาษ 2 - 3 แผ่น ใช้กาวหรือเทปสองหน้าติด  CD เข้ากับข้างในของกล่อง


        2.  ทำเสร็จแล้วอาจปิดด้วยกระดาษสี ให้ดูเรียบร้อยสวยงานยิ่งขึ้น


        3.  ถ้ามีกล่องอีกใบอาจนำมาต่อด้านข้าง โดยเจาะรูปสี่เหลี่ยม ให้ตรงกับด้านข้างของกล่องใบแรก แล้วใส่หลอดไฟไว้ด้านใน ก็จะทำให้สพดวกต่อการมองเห็น

         5.  แสงจากหลอดไฟ  จะส่องผ่านช่องเปิดระหว่าง  Card  Phone  (ทำหน้าที่เป็น  Slit) กระทบบนแผ่น  CD  (ทำหน้าที่เป็น Grating) และสะท้อนเป็นแถบแสง (Light Spectrum) มาเข้าตาของเราที่มองผ่านช่องเปิด














      12 August 2556

      (H.M.The Queen?s Birthday)

      วันแม่ปีนี้มีคำอยากจะบอกแม่ว่า

       I miss you, wanna go back home to hug you, kiss you Love you mom!!!

      คิดถึงแม่ อยากกลับบ้านนอกไปกอดแม่ หอมแม่ รักแม่

      ประวัติวันแม่ 


               แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุก ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ .. 2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน .. 2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุน จนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป  

                มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความสำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาลฯพณฯ จอมพล . พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวัน แม่ของชาติ  

                ต่อมาถึง .. 2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี .. 2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน


       กิจกรรมต่าง ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ 

                1. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน 

                2. จัดกิจกรรมต่าง เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ   

                3. จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่ 

                4. นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่ 


       การจัดงานวันแม่แห่งชาติในประเทศไทย
       งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม .. 2486 สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี .. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน 

                
      ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม .. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี .. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ 

      สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่



                
                สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่คือ ดอกมะลิ ซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย 

       คำขวัญวันเเม่ ประจำปี .2556

        สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2556 ความว่า

               "คำโบราณว่าดูนางดูอย่างแม่ คือคำแปลว่าแม่ดีมีลูกเด่น จะชายหญิงรู้ชั่วดีมีกฎเกณฑ์ เพราะจัดเจนแบบอย่างในทางดี"


       เพลงที่ใช้ในวันเเม่

                ค่าน้ำนม คือ เพลงอย่างเป็นทางการที่ใช้ในงานวันเเม่เเห่งชาติ เเต่งขึ้นโดย อาจารย์ สมยศ ทัศนพันธ์ ได้เรียบเรียงบทเพลงที่เรียกได้ว่า ขึ้นหิ้งอมตะ และเป็นงานเพลงชิ้นเอก ซึ่งได้ฟังเมื่อไร เป็นต้องหวนระลึกถึงบุญคุณของเเม่เเละวันคืนเก่าๆ ของวิถีไทยในสมัยก่อน 

                เนื้อเพลง นอกจากจะให้เราระลึกถึงพระคุณเเม่เเล้วยังทำให้เรามองเห็นขนบดั้งเดิมตามวิถีไทย หลายอย่างจากเนื้อเพลง เช่นการศึกษาของผู้ชายไทยสมัยก่อนนั้น มักจะอยู่ในวัดวาอาราม ซึ่งเป็นแหล่งสอนสั่งความรู้ ทางโลก อ่านออกเขียนได้ และ ทางธรรม อันได้แก่ การถือศีล และยึดมั่นในพระรัตนไตรนอกจากนั้น ยังมีความเชื่อกันอีกว่า หากลูกชายบ้านไหน ได้บวชเรียน ก็จะส่งแผ่ อานิสงส์ไปให้กับพ่อแม่ ได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสู่ที่ดี เมื่อถึงกาลแตกดับ 

                ท่วงทำนองเสนาะโสต และ ทุ้มเย็น กับคำร้องที่ตรงไป ตรงมา ชวนให้นึกภาพตามได้ไม่ยาก แม้แต่เด็กเล็กๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ใครฟังเพลงนี้แล้วจะต้องหลั่งน้ำตาให้กับความซาบซึ้งแห่งรักที่แม่ มีให้เรา... 

                
      เพลง ค่าน้ำนม  

                
      แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล แม่เราเฝ้าโอละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปลไม่ห่างหันเหไปจนไกล

                
      แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดแต่รักลูกปักดวงใจ เติบโตโอ้เล็กจนใหญ่ นี่แหละหนาอะไรมิใช่ใดหนาเพราะค่าน้ำนม

               
      ควรคิดพินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้จะมีอะไรเหมาะสม โอ้ว่าแม่จ๋าลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกผสมกลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน

               
      ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย
      (
      ซ้ำ )